Huawei เดินหน้าสร้างอุตสาหกรรม F5.5G All-Optical Network ที่แข็งแกร่ง จุดประกายการเติบโตครั้งใหม่ในยุค AI

เซี่ยงไฮ้, 20 มิถุนายน 2568 /PRNewswire/ — ในระหว่างมหกรรม MWC Shanghai 2025 ได้มีการจัดการประชุมสุดยอด F5.5G All-Optical Industry Summit ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยมีผู้นำอุตสาหกรรมจากหลากหลายองค์กรเข้าร่วม อาทิ คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน, สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศจีน (CAICT), China Telecom, China Mobile, China Unicom, Maxis จากมาเลเซีย และ CTM ซึ่งภายในงานนี้ ผู้นำอุตสาหกรรมได้มาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรม F5.5G ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแบ่งปันแนวปฏิบัติทางธุรกิจล่าสุดจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมทั่วโลก โดยเฉพาะในด้าน 10 Gbps All-Optical Broadband และการส่งข้อมูลระดับพรีเมียมผ่านเครือข่าย All-Optical

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เครือข่าย F5.5G All-Optical Network ได้ถูกนำมาใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ให้บริการเครือข่ายมากกว่า 70 รายทั่วโลกที่เปิดให้บริการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ 10 Gbps เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการใช้งาน 10 Gbps All-Optical Broadband เชิงพาณิชย์ในวงกว้างเช่นนี้ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการให้บริการ AItoH อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน การเชื่อมต่อผ่านการส่งข้อมูลระดับ 400G ก็ได้ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วในกว่า 240 เครือข่ายทั่วโลก อีกทั้งอุตสาหกรรมยังเดินหน้าพัฒนาเครือข่าย Metro Network ที่มีความหน่วงต่ำเพียง 1 มิลลิวินาที เพื่อเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงพลังการประมวลผลบนคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยผลักดันการประยุกต์ใช้ AItoB ให้แพร่หลายในอนาคต

ในยุคที่ AI กำลังก้าวขึ้นมาเป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก และมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทั้งวิถีชีวิตและกระบวนการผลิต ผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกต่างก็เร่งปรับตัวเพื่อนำ AI มาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีแนวโน้มเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการเชื่อมต่อเครือข่ายเพียงอย่างเดียว ไปสู่การเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรครอบคลุมทั้งการเชื่อมต่อ + การประมวลผล + การให้บริการแอปพลิเคชัน ในโอกาสนี้ Li Peng รองประธานอาวุโสของ Huawei รวมถึงประธานฝ่ายขายและบริการ ICT ได้กล่าวสุนทรพจน์ภายในงานว่า "บ้านและองค์กรจะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค AI ของผู้ให้บริการเครือข่าย โดย Huawei มุ่งหวังที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเครือข่าย F5.5G All-Optical Network พร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างคลาวด์-ปัญญาประดิษฐ์-เครือข่าย-อุปกรณ์ ตลอดจนผลักดันการประยุกต์ใช้ AI ในระดับครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม อันจะนำไปสู่การเติบโตที่เกื้อกูลกันในยุค AI"

ในยุค AI นั้น กุญแจสำคัญสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายในการขยายตลาดบรอดแบนด์ภายในบ้านคือ การมอบคุณค่าใหม่ที่จับต้องได้ พร้อมสร้างความรู้สึกคุ้มค่าให้แก่ผู้ใช้งานอย่างแท้จริง โดย Bob Chen ประธานของ Huawei Optical Business Product Line ได้แบ่งปันนวัตกรรมใหม่ล่าสุดด้านเครือข่าย F5.5G All-Optical Network ซึ่งครอบคลุม 4 มิติ โดยกล่าวว่า "เพื่อให้ผู้ใช้งานบรอดแบนด์ภายในบ้านสัมผัสถึงความคุ้มค่าอย่างแท้จริง การอัปเกรดแบนด์วิดท์ต้องมีความชัดเจนเป็นรูปธรรม สามารถรับประกันประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่า ทำให้อุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านเข้าถึงได้ง่าย และกระตุ้นให้บริการใหม่ ๆ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง Huawei จึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถนำเสนอแพ็กเกจระดับพรีเมียมแบบ 4-in-1 พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชัน AI ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้"

โซลูชันของ Huawei ได้รับการยกระดับอย่างรอบด้าน ครอบคลุมทั้งการอัปเกรดแบนด์วิดท์ การมอบประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง การพัฒนาเทอร์มินัลใหม่ และการสนับสนุนแอปพลิเคชันหลากหลายรูปแบบภายในบ้าน โดยโซลูชัน 50G PON สามารถรองรับการอัปเกรดสู่ Ultra-Gigabit และ 10 Gigabit ได้อย่างเต็มศักยภาพ ขณะเดียวกัน Huawei ได้ยกระดับขีดความสามารถของเครือข่ายแบบครบวงจร เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างแท้จริงให้แก่ผู้ใช้งานระดับพรีเมียม นอกจากนี้ Huawei ยังมี AI Home Hub ซึ่งเป็นเทอร์มินัลอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของบ้านอัจฉริยะ นำเสนอแอปพลิเคชัน AI หลากหลายรูปแบบ ผ่านระบบปฏิสัมพันธ์อัจฉริยะที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานในครัวเรือน ยิ่งไปกว่านั้น Huawei ยังร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายหลายรายในการสำรวจและพัฒนา All-Optical Metro Network ที่มีความหน่วงต่ำระดับ 1 มิลลิวินาที เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงทรัพยากรการประมวลผลบนคลาวด์และใช้งานแอปพลิเคชัน AI ได้อย่างรวดเร็วผ่านเครือข่ายความหน่วงต่ำที่ควบคุมเวลาได้อย่างแม่นยำ