![]() |
เซินเจิ้น, จีน, 9 มิถุนายน 2568 /PRNewswire/ — ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบบูรณาการชั้นนำระดับโลก เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 เมื่อไม่นานนี้ นับเป็นปีที่ 17 ติดต่อกันซึ่งบริษัทเผยพันธกิจและความคืบหน้าด้านความยั่งยืนต่อสาธารณชนอย่างจริงจัง
ZTE Releases Sustainability Report 2024: Empowering a Sustainable Future through Digital Intelligence
รายงานความยั่งยืนของ ZTE ประจำปี 2567 เน้นย้ำถึงกลยุทธ์และความสำเร็จด้าน ESG ที่แข็งแกร่งขององค์กร โดยแสดงให้เห็นวิธีซึ่งบริษัทใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนทั่วโลก
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ZTE ยังคงมุ่งมั่นในบทบาทของตนในฐานะ "ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล" โดยผลักดันวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสองด้าน ได้แก่ ความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งขับเคลื่อนโดยเป้าหมายคาร์บอนตามหลักวิทยาศาสตร์ รวมถึงการเปิดใช้งานการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและคาร์บอนต่ำในทุกอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
Xu Ziyang กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ZTE ระบุในรายงานว่า "คลื่นลูกใหม่ของการปฏิวัติเทคโนโลยีซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI โดยเฉพาะการเติบโตของโมเดลขนาดใหญ่ รวมถึง AI เชิงสร้างสรรค์ ได้ผลักดันการเปลี่ยนแปลงอัจฉริยะและดิจิทัลระดับโลก ในปีสำคัญอันเต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส ZTE ในฐานะ ‘ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล’ ยังคงยึดมั่นในแรงบันดาลใจดั้งเดิมและตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของยุคสมัย"
รายงานดังกล่าวเผยให้เห็นว่า ZTE ยังคงเสริมความเข้มแข็งให้กับศักยภาพพื้นฐานและขยายการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับความสามารถหลักที่แข็งแกร่งขึ้น โดยค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาคิดเป็น 19.81% ของรายได้จากการดำเนินงาน ทั้งนี้ ZTE ยื่นคำขอสิทธิบัตรทั่วโลก 93,000 ฉบับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยได้รับอนุมัติแล้วกว่า 48,000 ฉบับ เฉพาะด้านชิป ZTE ยื่นคำขอสิทธิบัตรไปแล้วประมาณ 5,500 ฉบับ โดยได้รับอนุมัติแล้วกว่า 2,000 ฉบับ สำหรับด้าน AI บริษัทยื่นคำขอไปแล้วกว่า 5,000 ฉบับ โดยเกือบครึ่งหนึ่งได้รับอนุมัติ สะท้อนนวัตกรรมและความสามารถทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง
ส่งเสริมกลยุทธ์สีเขียวเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ
ZTE มุ่งเน้นที่นวัตกรรมเทคโนโลยีเป็นหลัก โดยขยายกลยุทธ์การพัฒนาสีเขียวอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมความก้าวหน้าร่วมกันของความฉลาดทางดิจิทัลและความยั่งยืนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากโครงการ Science-Based Targets (SBTi) สำหรับเป้าหมายระยะใกล้ในการจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ระยะยาวในปี 2567 อีกทั้งยังเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับกลยุทธ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปีเดียวกันด้วย
บริษัทดำเนินการตามแผนริเริ่ม "เส้นทางดิจิทัลสีเขียว" อย่างต่อเนื่องในสี่มิติ ได้แก่ การดำเนินงานขององค์กรสีเขียว ห่วงโซ่อุปทานสีเขียว โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสีเขียว และการเสริมพลังรักษ์โลก นอกจากนี้ ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรายชื่อ CDP A อันทรงเกียรติสำหรับการเป็นผู้นำในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศเป็นเวลาสองปีติดต่อกัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านสภาพภูมิอากาศระดับแนวหน้าของโลก
ในแง่ของการดำเนินงานในฐานะองค์กรรักษ์โลก ZTE บรรลุความสำเร็จอันน่าทึ่งในการเพิ่มรายได้ไปพร้อมกับลดการใช้พลังงาน อันเป็นผลจากความพยายามต่อเนื่องหลายปี อนึ่ง ในปี 2567 บริษัทปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ 20% เมื่อเทียบกับปี 2564 และบันทึกการลดการปล่อยก๊าซขอบเขต 1 และ 2 ลง 13.4% เทียบรายปี ผลิตภัณฑ์โทรคมนาคมของบริษัทมีการลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซทางกายภาพลง 8.39% ในระหว่างช่วงการใช้งานและการบำรุงรักษา ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของระบบต่าง ๆ ซึ่งใช้ในการเชื่อมต่อสัญญาณอันหลากหลาย มีการลดการปล่อยก๊าซสัมบูรณ์ลง 5.02% เทียบรายปีตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้น ZTE ยังลดการปล่อยคาร์บอนขอบเขต 1, 2 และ 3 ลง 14.317 ล้านตันในปี 2567 เมื่อเทียบกับระดับในปี 2566
สำหรับห่วงโซ่อุปทานสีเขียว ในปี 2567 ZTE บูรณาการข้อกำหนดกลยุทธ์คาร์บอนคู่เข้ากับระบบไอทีการจัดการซัพพลายเออร์ รวมถึงการลงนามในข้อตกลง การตรวจสอบในสถานที่ และการประเมินประสิทธิภาพ ในปีนี้ ZTE ดำเนินการตรวจสอบ CSR ในสถานที่สำหรับซัพพลายเออร์การผลิต 261 ราย (คิดเป็น 86.9% ของซัพพลายเออร์ 90% อันดับแรกตามปริมาณการจัดซื้อ)
ในแง่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสีเขียว ZTE มีสิทธิบัตรนวัตกรรมสีเขียวมากกว่า 800 ฉบับ โดยในปี 2567 บริษัทดำเนินการประเมินปริมาณคาร์บอนสำหรับผลิตภัณฑ์ 154 รายการ ซึ่งครอบคลุมหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ด้วยโซลูชันสีเขียวแบบครบวงจร ZTE ยังคงช่วยให้ผู้ให้บริการทั่วโลกประหยัดไฟฟ้าได้มากกว่า 1 หมื่นล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี
ในด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว ZTE บูรณาการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และเครือข่าย IoT บิ๊กดาต้า AI รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ เข้ากับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมอย่างแข็งขัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในการพัฒนาและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ บริษัทยังจับมือกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรมกว่า 2,000 รายเพื่อดำเนินการตามแนวทางสีเขียวเชิงนวัตกรรมอันขับเคลื่อนด้วย 5G ใน 18 ภาคส่วน รวมถึงเหล็กกล้า โลหะวิทยา การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ท่าเรือ ระบบขนส่งแบบราง การทำเหมืองแร่ และพลังงาน โดยเป็นผู้บุกเบิกสถานการณ์การใช้งานนวัตกรรมกว่า 100 แบบ
ยึดมั่นประชากรเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมสังคมเป็นหนึ่ง
ZTE มุ่งมั่นพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยส่งเสริมความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการตอบสนองความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี ทำให้สามารถนำเสนอโซลูชันดิจิทัลที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าทั่วโลก ช่วยลดช่องว่างทางดิจิทัลและเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ZTE และ Orange ร่วมกันเปิดตัวโครงการ "Enhance Rural Area" เพื่อส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารให้กับพื้นที่ชนบทในไลบีเรียและเปิดใช้งานการเข้าถึงดิจิทัลสำหรับผู้คนมากกว่า 580,000 รายในพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาระบบส่งเลือดที่ใช้โดรน ณ เมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหา "ระยะสุดท้ายของห่วงโซ่อุปทาน" ด้านโลจิสติกส์ทางการแพทย์ในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังรับประกันการสื่อสารฉุกเฉินอันลื่นไหลด้วยอาคารผู้โดยสารดาวเทียมระหว่างพายุไต้ฝุ่นยางิ ณ มณฑลไห่หนานด้วย
ZTE ยึดมั่นปรัชญาที่เน้นผู้คนเป็นศูนย์กลาง โดยบรรลุการฝึกอบรมพนักงาน 100% ในปี 2567 ตลอดจนการรับรองระบบจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001 ครอบคลุมสำนักงานใน 30 ประเทศ ณ ปัจจุบัน
ในปี 2567 ZTE ดำเนินกิจกรรมสวัสดิการสาธารณะ 310 กิจกรรมเป็นประจำในหลากหลายสาขา ทั้งการฟื้นฟูชนบท การสนับสนุนด้านการศึกษา การบรรเทาทุกข์ทางการแพทย์และภัยพิบัติ จากความพยายามร่วมกันของพนักงานอาสาสมัคร 15,000 ชีวิต บริษัทมอบความช่วยเหลือแก่ผู้คนกว่าหนึ่งล้านรายเพื่อส่งมอบความอบอุ่นและสร้างคุณค่าทางสังคมอย่างต่อเนื่อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลเพื่อยกระดับความยืดหยุ่นขององค์กร
Xie Junshi รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ ZTE กล่าวในรายงานว่า "ZTE มุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืนและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยฝัง ESG ไว้ในทุกแง่มุมของการดำเนินงาน เรากำลังส่งเสริมโมเดลการพัฒนาที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติและสังคมได้อย่างกลมกลืน พร้อมสำรวจเส้นทางเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจในยุคใหม่ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอัจฉริยะและดิจิทัล"
สำหรับการบูรณาการการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์ต่าง ๆ ขององค์กร ZTE มุ่งมั่นเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันหลักโดยเน้นที่วิสัยทัศน์และสามกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การควบคุมภายใน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และบุคลากร โดยในปี 2567 ZTE ได้พัฒนาระบบการกำกับดูแลองค์กรและจัดตั้งคณะกรรมการกลยุทธ์และความยั่งยืนเพื่อนำปรัชญาของการพัฒนายั่งยืนมาใช้กับยุทธศาสตร์และกิจกรรมทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
ในแง่ของการป้องกันและควบคุมความเสี่ยงขององค์กร ZTE ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการระบุและตอบสนองต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ เนื่องจากเทคโนโลยี AI เปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว จึงนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจมากมาย ในขณะเดียวกันก็สร้างความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางจริยธรรมในวงกว้าง อาทิ การละเมิดความเป็นส่วนตัวและอคติทางอัลกอริทึม ZTE จึงจัดตั้งคณะกรรมการจริยธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้นในปี 2567 เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าวอย่างจริงจัง สะท้อนความมุ่งมั่นขององค์กรระดับสูงต่อการกำกับดูแลทางจริยธรรม นอกจากนี้ บริษัทยังวางกรอบการกำกับดูแลจริยธรรมเทคโนโลยีในการตรวจสอบและประเมินโครงการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับ AI แต่ละโครงการ เพื่อการันตีการพัฒนา AI อันปลอดภัย เชื่อถือได้ และครอบคลุม
ในฐานะสมาชิกของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติและโครงการส่งเสริมความยั่งยืนระดับโลก รวมถึงผู้มีส่วนร่วมสำคัญและผู้บุกเบิกโครงการ Partner2Connect (P2C) Digital Coalition ที่ริเริ่มโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ZTE ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากองค์กรระดับโลกที่มีอำนาจและหน่วยงานจัดอันดับมากมายสำหรับแนวทางปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนอันเป็นแบบอย่างของบริษัท
ในปีที่แล้ว ZTE ได้รับการยกย่องด้วยเหรียญทอง EcoVadis สำหรับความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน Sustainability Yearbook 2024 (ฉบับประเทศจีน) ของ S&P Global และได้รับเกียรติให้เป็น "ผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม" ตลอดจนมีชื่ออยู่ใน Forbes China ESG 50 ประจำปี 2567 อีกทั้งยังได้รับรางวัล World Internet Conference Distinguished Contribution Award ตลอดจนรางวัล BDO ESG สองรางวัล รวมถึงรางวัล LinkedIn MostIn – Global Talent Magnet Employer และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย
ในอนาคต ZTE จะยังคงส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วโลกโดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเทคโนโลยีและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มพลังดิจิทัลให้กับความพยายามในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอันยั่งยืนของสหประชาชาติ เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และยืดหยุ่นมากขึ้น
ดาวน์โหลดรายงานความยั่งยืนของ ZTE ประจำปี 2567 ได้ที่:
https://www.zte.com.cn/content/dam/zte-site/investorrelations/en_announcement/ZTE_Sustainability_Report_2024_EN.pdf
สำหรับข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของเราต่อความยั่งยืน โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ความยั่งยืนของ ZTE:
https://www.zte.com.cn/global/about/sustainability.html
สื่อมวลชนติดต่อ :
ZTE Corporation
Communications
Email: ZTE.press.release@zte.com.cn
This article was produced by Cision PR Newswire, our trusted news partner. The views expressed and the content presented here are solely those of the author and may not fully reflect the opinions of Thailand Business News. |
Read the original article : ZTE เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2567: เสริมสร้างอนาคตยั่งยืนผ่านความฉลาดทางดิจิทัล